ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความพิการเพิ่มขึ้นระหว่างรักษาในผู้ป่วยโรคเรื้อนในประเทศไทย
คำสำคัญ:
ความพิการ, โรคเรื้อน, การรักษาบทคัดย่อ
ความสำคัญของงานควบคุมโรคเรื้อนคือการป้องกันความพิการซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งก่อน ระหว่าง และ หลังรักษา กล่าวคือระหว่างรักษาต้องให้บริการป้องกันความพิการแก่ผู้ป่วย ณ จุดบำบัด ในปี 2541 กองโรค เรื่อนได้ประเมินผลโครงการกำจัดโรคเรื้อนพบว่า ครอบคลุมและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของการป้องกันความพิการไม่ถึง ร้อยละ 50 ผู้ป่วยพิการเพิ่มขึ้นระหว่างรักษาถึง ร้อยละ 10 การศึกษาเชิงพรรณนานี้มี วัตถุประสงค์เพื่อค้นหาปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดความพิการเพิ่มขึ้นระหว่างรักษา โดยมีรูปแบบการวิจัยทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เก็บข้อมูล เชิงปริมาณโดยสำรวจป้องกันความพิการของสถานพยาบาลที่มีผู้ป่วยโรคเรื้อนใน 75 จังหวัดด้วยแบบสอบถาม ส่วนเชิงคุณภาพเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้อำนวยการโรงพยาบาลและทีมบุคลากรทางการแพทย์ ได้แก่ แพทย์ พยาบาล/เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่รับผิดชอบงานโรคเรื้อนและผู้ป่วยโรคเรื้อน รวมทั้งสังเกตการจัดระบบการให้บริการ เอกสารที่เกี่ยวข้องได้แก่ บัตรบันทึกประวัติการรักษาผู้ป่วยโรคเรื้อน การบันทึกผลการตรวจความพิการและการให้สุขศึกษา หนังสือราชการที่แจ้งเกี่ยวกับงานโรคเรื้อน หนังสือคู่มือปฏิบัติงาน/กิจกรรมหลัก/Clinical Practice Guidelines ด้านโรคเรื้อน รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีของโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลชุมชนที่เป็นกลุ่มตัวอย่างจำนวน 12 แห่ง การศึกษาเชิงปริมาณพบว่า สถานพยาบาลของรัฐในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่เป็นโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลชุมชนทั้งหมด 816 แห่ง สามารถให้บริการการป้องกันความพิการได้ 212 แห่ง (29.7%) ในจำนวนนี้สามารถดำเนินงานได้ตามมาตรฐานเพียง 178 แห่ง (24.9%) เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อปี 2541 พบว่ามีแนวโน้มที่สถานพยาบาลดังกล่าวสามารถให้บริการค้านการป้องกันความพิการได้น้อยลง รวมทั้งมีคณภาพตำกว่าหลักเกณฑ์เพิ่มมากขึ้น การศึกษาเชิงคณภาพพบว่า ปัจจัยที่เกี่ยวข้องเป็นปัจจัยด้านผู้ให้บริการ ได้แก่ ระบบการบริหารจัดการด้านกำลังคน ภาระงาน และการจัดระบบบริการ แต่ไม่มีปัญหา ด้านงบประมาณ นอกจากนั้นยังมีปัจจัยด้านความรู้และทักษะของบุคลากร การนิเทศ ติดตามกำกับ ทัศนคติต่องานโรคเรือน การจัดลำดับความสำคัญของปัญหา ความยุ่งยากของกิจกรรมการให้บริการป้องกันความพิการ ส่วนค้านผู้รับบริการพบว่า ผู้ป่วยไม่ทราบสิทธิของตนเองในการที่ต้องได้รับการตรวจความพิการเพื่อ ประโยชน์ในการรักษา ผู้ป่วยที่ไม่พิการมากขึ้นเป็นผู้ป่วยที่ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างรักษา ผู้ป่วยที่พิการมากขึ้นเป็นผู้ป่วยที่เกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างรักษาแล้วขาดการดูแลรักษามาตรฐานและผู้ให้บริการไม่ตระหนัก นอกจากนั้นยังพบว่า ในรายที่ไม่เคยได้ปรึกษารู้สึกหดหู่ หมดหวังในชีวิต ไม่ใส่ใจกับการดูแลตนเอง ชีวิตเลวลง ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีทัศนคติเชิงบวกต่อเจ้าหน้าที่ มีความสามารถมารับบริการได้ อยากให้ตรวจความพิการทุกครั้งที่มารับยา รวมทั้งเห็นว่ากิจกรรมการดูแลตนเองเพื่อป้องกันความพิการไม่ยุ่งยาก จึงควรมีการถ่ายทอดนโยบายที่ชัดเจน พัฒนาปรับปรุงระบบการดำเนินงานตามสถานการณ์ของโรคและกลยุทธ์ การดำรงกิจกรรมการควบคุมโรคเรื้อน รวมทั้งพัฒนาศักยภาพบุคลากรและระบบส่งต่อ จัดตั้งระบบสายด่วน (hotline) ตลอดจนการมีผู้เชียวชาญให้คำปรึกษาด้านโรคเรือนที่เพียงพอ
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2018 วารสารวิชาการสาธารณสุข

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

