การลดอัตราการปนเปื้อนเชื้อจุลชีพในตัวอย่างเลือดที่ส่งตรวจเพาะเชื้อ

ผู้แต่ง

  • เยาวมาลย์ เหลืองอร่าม โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ
  • วิลาวัณย์ พิเชียรเสถียร คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • ลดาวัลย์ ภูมิวิชชุเวช คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

คำสำคัญ:

การอบรม, การให้ข้อมูลย้อนกลับ, ชุดเจาะเลือดส่งตรวจเพาะเชื้อ, การปนเปื้อนเชื้อจุลชีพในตัวอย่างเลือด

บทคัดย่อ

การเพาะเชื้อจากตัวอย่างเลือดเป็นวิธีตรวจวินิจฉัยการติดเชื้อในกระแสโลหิต จึงต้องเจาะเลือดอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อจุลชีพในเลือดที่ส่งเพาะเชื้อซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในโรงพยาบาลพยาบาลจึงควรมีความรู้และการปฏิบัติในการเจาะเลือดส่งตรวจเพาะเชื้ออย่างถูกต้อง การวิจัยเชิงทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความรู้ของพยาบาลและอัตราการปนเปื้อนเชื้อ จุลชีพในเลือดที่ส่งตรวจเพาะเชื้อโดยพยาบาลระหว่างกลุ่มควบคุมที่ทำตามปรกติและกลุ่มทดลอง 2 กลุ่ม คือกลุ่มทดลองที่ 1 ได้รับการอบรมร่วมกับการให้ข้อมูลย้อนกลับ และกลุ่มทดลองที่ 2 ได้รับการอบรมร่วมกับการให้ข้อมูลย้อนกลับและการสนับสนุนชุดเจาะเลือด ศึกษา ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ระหว่างเดือนธันวาคม 2550 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2551 กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาลจำนวน 155คนได้จากการสุ่มแบบแบ่งกลุ่มและกลุ่มตัวอย่างเลือดที่ส่งตรวจเพาะเชื้อโดยพยาบาลที่เป็นกลุ่มตัวอย่างจำนวน 641 ตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบวัดความรู้เรื่องการเจาะเลือดส่งตรวจเพาะเชื้อแบบสอบถามข้อมูลทั่วไป แบบบันทึกการตรวจเพาะเชื้อจากเลือด แผนการอบรม แบบบันทึกการให้ข้อมูล ย้อนกลับ ซึ่งผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ท่าน ได้ค่าดัชนีความตรงเชิงเนื้อหาของแบบวัดความรู้เรื่องการเจาะเลือดส่งตรวจเพาะเชื้อเท่ากับ 0.96 ค่าความเชื่อมั่นของการวินิจฉัยการปนเปื้อนเชื้อจุลชีพเท่ากับ 1 และค่าความเชื่อมั่นของแบบวัดความรู้เรื่องการเจาะเลือดส่งตรวจเพาะเชื้อเท่ากับ 0.80 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา โคสแควร์ Fisher's Exact test และการวิเคราะห์ความแปรปรวน แบบสองทาง

ผลการวิจัย พบว่าภายหลังการอบรม การให้ข้อมูลย้อนกลับ และการสนับสนุนชุดเจาะเลือด ค่าเฉลี่ยคะแนนความรู้เกี่ยวกับการเจาะเลือดส่งตรวจเพาะเชื้อของกลุ่มทดลองทั้ง 2 กลุ่มสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 นอกจากนี้อัตราการปนเปื้อนเชื้อจุลชีพในเลือดที่ส่งตรวจเพาะเชื้อโดยกลุ่ม ตัวอย่างทั้ง 3 กลุ่มแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยอัตราการปนเปื้อนเชื้อจุลชีพในกลุ่มทดลองที่ 1 และกลุ่มทดลองที่ 2 ลดลง ร้อยละ 66.09 และ 86.76 ตามลำดับ

ผลการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าการสนับสนุนทั้งการอบรม การให้ข้อมูลย้อนกลับ และการสนับสนุน ชุดเจาะเลือด มีผลส่งเสริมให้พยาบาลมีความรู้และปฏิบัติการเจาะเลือดส่งตรวจเพาะเชื้อได้ถูกต้องเพิ่มขึ้นและส่งผลให้อัตราการปนเปื้อนเชื้อจุลชีพในเลือดที่ส่งตรวจเพาะเชื้อลดลง

Downloads

Download data is not yet available.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2018-01-18

วิธีการอ้างอิง