ผลการใช้มืออบอุ่นต่อการสงบของทารกที่มีภาวะหายใจลำบาก

บทคัดย่อ

ทารกที่มีภาวะหายใจลำบากมักต้องแยกจากมารดา เมื่อเข้ารับการรักษาและได้รับหัตถการจํานวนมากจะกระตุ้นให้ทารกไม่สงบ ร้องไห้ส่งผลให้สรีรวิทยาทารกเปลี่ยนแปลงและทำให้ภาวะหายใจลำบากของทารกเข้าสู่ขั้นวิกฤตและเป็นอันตรายต่อชีวิตทารก การดูแลให้ทารกสงบจะลดภาวะนี้ได้ การวิจัยนี้เป็น eficacy research ชนิด crossover design ที่มีการเปรียบเทียบทั้งกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมสลับกัน มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบการสงบในทารกกลุ่มภาวะหายใจลำบากที่ใช้การพยาบาลตามปกติกับการใช้มืออบอุ่น จำแนกตามอัตราการเต้นของหัวใจ ระดับออกซิเจนในร่างกายและระยะเวลาการนอนหลับของทารก กลุ่มตัวอย่างเป็นทารกภาวะหายใจลำบากและรักษาตัวในหออภิบาลทารกแรกเกิดจำนวน 54 คน ใช้วิธีการเลือกแบบเฉพาะเจาะจงกลุ่มควบคุมจะได้รับการพยาบาลตามปกติ ส่วนกลุ่มทดลองจะได้รับการพยาบาลตามปกติร่วมกับมืออบอุ่น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยมืออบอุ่นที่มีค่า IOC 0.90 แบบบันทึกข้อมูลของทารกภาวะหายใจลำบาก แบบบันทึกข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจ ระดับออกซิเจนในร่างกาย และระยะเวลาการนอนหลับของทารกที่มีค่า Cronbach’s alpha Coefficient = 0.90, 0.90 ตามลำดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยสองกลุ่มที่มีการวัดซ้ำ 3 ครั้งโดยสถิติ linear mixed model ผลการวิจัยพบว่า การให้การพยาบาลโดยใช้มืออบอุ่นมีผลทำให้ทารกที่มีภาวะหายใจลำบากมีแนวโน้มอัตราการหายใจลดลง ส่วนระยะเวลาการร้องไห้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) อัตราการเต้นของหัวใจคงที่ไม่แตกต่างจากการพยาบาลปกติ ส่วนระยะเวลาการนอนหลับและระดับออกซิเจนในร่างกายเพิ่มขึ้นมากกว่าการให้การพยาบาลทารกด้วยวิธีปกติอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (p>0.001) ข้อเสนอแนะ สามารถนำมืออบอุ่นช่วยในการจัดท่านอนเพื่อเพิ่มระยะเวลานอนแก่ทารก รวมถึงสามารถทำการศึกษาวิจัยที่ใช้มืออบอุ่นเพื่อช่วยจัดการให้ทารกสงบเมื่อถูกทำหัตถการอื่นๆ เช่น การเจาะเลือดส้นเท้า