การเข้าถึงและความต้องการบริการสุขภาพ ด้านอนามัยแม่และเด็กในสถานีอนามัย ของสตรีชาวเล บนเกาะแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของประเทศไทย

ผู้แต่ง

  • จิตติมา อร่ามศรีธรรม สาขาวิชาการวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
  • สาวิตรี ลิ้มชัยอรุณเรือง คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
  • เพชรน้อย สิงห์ช่างชัย คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

คำสำคัญ:

การเข้าถึงบริการสุขภาพ, ความต้องการบริการสุขภาพ, อุปสรรคในการเข้าถึงบริการสุขภาพ, อนามัยแม่และเด็ก

บทคัดย่อ

การศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายการเข้าถึง ความต้องการ และอุปสรรคการเข้าถึงบริการสุขภาพด้านอนามัยแม่และเด็กในสถานีอนามัยบนเกาะแห่งหนึ่งในจังหวัดสตูล โดยการสัมภาษณ์เจาะ ลึกสตรีชาวเล จำนวน 15 คน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยเทคนิคการบอกต่อ ตรวจสอบข้อมูลด้วยวิธีตรวจสอบสามเส้าค้านระเบียบวิธีวิจัย วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา

การศึกษาพบว่า สตรีชาวเลผู้ให้ข้อมูลที่มีประสบการณ์การใช้บริการอนามัยแม่และเด็กในสถานีอนามัย ช่วงพ.ศ. 2539-2548 อธิบายการเข้าถึงบริการด้านอนามัยแม่และเด็กว่าสามารถเข้าถึงบริการได้เฉพาะ ในระยะตั้งครรภ์และระยะหลังคลอด ส่วนระยะคลอดไม่สามารถเข้าถึงบริการได้เนื่องจากไม่มีการจัดให้บริการ พ.ศ. 2548 มีการจัดสรรพยาบาลวิชาชีพลงปฏิบัติงานในสถานีอนามัย และรับผิดชอบจัดให้บริการอนามัยแม่และเด็กด้านผดุงครรภ์ สามารถจัดให้บริการได้ครบทุกระยะของการตั้งครรภ์สตรีชาวเลจึงสามารถเข้าถึงบริการด้าน ผดุงครรภ์ได้ครบทุกระยะ

สาเหตุที่ทำให้สตรีชาวเลสามารถเข้าถึงบริการอนามัยแม่และเด็กที่สถานีอนามัย จัดให้ มี 4 ลักษณะ คือ 1) ใกล้บ้าน เดินทางสะดวก 2) สามารถจ่ายค่าบริการได้ 3) พอใจความสามารถในการจัดบริการและพฤติกรรมบริการของพยาบาลวิชาชีพ และ 4) การผสมผสานการใช้บริการแพทย์แผนปัจจุบัน และพื้นบ้าน

ความต้องการบริการ มี 4 ด้าน คือ 1) การจัดบริการที่เพียงพอ สม่ำเสมอและครบทุกระยะของการตั้งครรภ์ พร้อมทั้งการประชาสัมพันธ์การจัดบริการ 2) เจ้าหน้าที่มีความรู้ ความสามารถ และพฤติกรรมบริการ ที่ดี 3) พาหนะในการส่งต่อ และ 4) เครื่องมือพิเศษ เตียง และอุปกรณ์การทำคลอด

อุปสรรคในการเข้าถึงบริการ มี 3 ด้าน คือ 1) ด้านระบบบริการ ได้แก่ บริการไม่เพียงพอ ไม่ได้รับรู้ข้อมูลการจัดบริการ และระบบการส่งต่อ 2) ด้านทัศนคติของผู้ใช้บริการ ได้แก่ ไม่มั่นใจความรู้ความสามารถของเจ้าหน้าที่ ประสิทธิภาพยา และเพศของผู้ให้บริการ และ 3) ด้านสังคมวัฒนธรรมของสตรีชาวเล ที่ให้อำนาจการตัดสินใจเลือกใช้บริการขึ้นกับมารคาของหญิงตั้งครรภ์

ผลจากการศึกษาใช้เป็นแนวทางกำหนดนโยบายการจัดกำลังคนปฏิบัติงานในพื้นที่พิเศษต้องมีความรู้ความสามารถในการจัดบริการอนามัยแม่และเด็กด้านผดุงครรภ์ได้ครบทุกระยะของการตั้งครรภ์ สอดคล้อง กับความเชื่อ และวัฒนธรรมบริบทพื้นที่ และเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างแพทย์แผนปัจจุบันและพื้นบ้านในการ จัดให้บริการด้านผดุงครรภ์ร่วมกัน ระบบการส่งต่อที่มีประสิทธิภาพ และจัดสรรเครื่องมือพิเศษตามความจำเป็นในการจัดบริการด้านผดุงครรภ์

Downloads

Download data is not yet available.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2017-12-25

วิธีการอ้างอิง