ผลการใช้กลุ่มเพื่อนช่วยเหลือผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือด ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี
คำสำคัญ:
กลุ่มเพื่อนช่วยเหลือ, ความรู้, พฤติกรรมสุขภาพ, คุณภาพชีวิต, ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจบทคัดย่อ
โรคหลอดเลือดหัวใจ จัดเป็นโรคเรื้อรังรักษาไม่หายขาดแต่สามารถควบคุมอาการของโรคได้ โดยการ ดูแลตนเองอย่างถูกต้องและต่อเนื่อง ดังนั้นการช่วยให้ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองได้จึงมีความจำเป็นและสำคัญอย่างมาก การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง One group pre post test design มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการใช้กลุ่มเพื่อนช่วยเหลือต่อความรู้ พฤติกรรมสุขภาพ และคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหวไจ ในเขต ตำบลชองสะแก ตำบลไรสัม และ ตำบลกงชัย คัดเลือก แบบสุ่มแบบมีเกณฑ์คัดเลือก ได้ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ จำนวน 32 คน ศึกษาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แผนการจัดกิจกรรมกลุ่มเพื่อนช่วยเหลือ เครื่องมือที่ใช้เก็บข้อมูลคือ แบบประเมินความรู้ พฤติกรรมสุขภาพ คุณภาพชีวิต ความพึงพอใจของผู้ป่วย ค่าความเชื่อมั่นของแบบประเมินเท่ากับ 0.77, 0.80, 0.80 และ 0.87 ตามลำดับ วิธีการดำเนินการวิจัย ดำเนินกิจกรรมกลุ่ม เพื่อนช่วยเหลือในสัปดาห์ที่ 1. 3 และ 7 ทำการประเมินความร้ พฤติกรรมสขภาพ และคณภาพชีวิต ผู้ป่วในสัปดาห์ที่ 1 ของการทำกิจกรรมกลุ่ม สัปดาห์ที่ 5 ติดตามเยี่ยมบ้าน และในสัปดาห์ที่ 10 ประเมินความรู้พฤติกรรมสุขภาพ คุณภาพชีวิต ครั้งที่ 2 และประเมินความพึงพอใจในการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติ paired t-est
การศึกษาพบว่า ค่าคะแนนเฉลี่ยความรู้ พฤติกรรมสุขภาพ และคุณภาพชีวิต ภายหลังเข้าร่วมโครงการ เข้าร่วมโครงการเท่ากับ 11.97 และ 16.44 (p < 0.001), 76.50 และ 89.19 (p < 0.001), 84.44 และ 86.28 (p < 0.001) ตามลาดบ ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจมีความพึงพอใจต่อการเข้าร่วมโครงการในระดับมาก จึง แสดงให้เห็นประโยชน์ของการใช้กลุ่มเพื่อนช่วยเหลือในการให้ความรู้ที่เป็นการส่งเสริมความสามารถในการ ดูแลตนเองอย่างชัดเจน สมาชิกทุกคนจะเป็นแหล่งที่มาของความรู้ โดยมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ทำให้ผู้ป่วยได้ความรู้ที่ตรงกับปัญหาของตนเอง และนำไปปฏิบัติส่งผลให้มีพฤติกรรมสุขภาพที่ดี ดำรงชีวิตอยู่ใน สังคมได้อย่างมีความสุขตามอัตภาพ
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2017 วารสารวิชาการสาธารณสุข

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

